วันนี้เราจะมาทำการเปรียบเทียบหูฟังกันนะครับ ว่าหูฟังไร้สายแบรนด์ไหนมีดียังไงบ้าง และเหมาะกับใครบ้าง โดยวันนี้จะมาเปรียบเทียบทั้งหมด 4 แบรนด์ยอดนิยมครับ
- Apple AirPods
- Samsung Galaxy Buds
- Marshall Minor III
- Xiaomi Mi True Wireless Earbuds
1. Apple AirPods (2nd Gen / Pro / Pro 2nd Gen)
คุณสมบัติหลัก:
- การเชื่อมต่อ: ใช้ชิป H1 (หรือ W1 ในรุ่นเก่า) เพื่อให้การเชื่อมต่อที่รวดเร็วและเสถียรกับอุปกรณ์ Apple ทั้งหมด เช่น iPhone, iPad, MacBook
- เสียง: คุณภาพเสียงดี, มี เบสที่ชัดเจน, แต่เน้นการปรับจูนเสียงให้เหมาะสมกับการใช้งานทั่วไป
- ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC): รุ่น AirPods Pro และ Pro 2nd Gen มี Active Noise Cancellation (ANC) ช่วยลดเสียงรบกวนภายนอกได้อย่างดี
- เสียงโปร่ง: เสียงที่มีลักษณะโปร่งและสะอาด เสียงกลางและเสียงสูงมีความชัดเจน
- การควบคุม: ควบคุมได้ง่ายผ่านการสัมผัสที่หูฟัง, รองรับการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Siri
- แบตเตอรี่: ใช้งานได้ประมาณ 4-6 ชั่วโมง (AirPods Pro รุ่นล่าสุดยาวถึง 6 ชั่วโมง), โดยเคสสามารถชาร์จไฟได้หลายครั้ง
- ความสะดวกสบาย: ออกแบบมาเพื่อให้สวมใส่สบายและใช้งานได้ยาวนาน
- คุณสมบัติพิเศษ: รองรับ Spatial Audio และ Dynamic Head Tracking สำหรับประสบการณ์เสียง 3D
ข้อดี:
- การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Apple รวดเร็ว
- ANC ช่วยให้การฟังเพลงเป็นส่วนตัว
- การใช้งานที่สะดวกสบายและมีการควบคุมด้วยคำสั่งเสียง
ข้อเสีย:
- ราคาแพง
- เสียงเบสอาจจะไม่ลึกเท่าหูฟังบางรุ่นจากแบรนด์อื่นๆ
2. Samsung Galaxy Buds (Live / Pro / 2)
คุณสมบัติหลัก:
- การเชื่อมต่อ: ใช้ Bluetooth 5.0, รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Android และ iOS
- เสียง: มีเสียงเบสที่หนักแน่นกว่าของ AirPods, แต่มีความชัดเจนในย่านเสียงกลางและเสียงสูงเช่นกัน
- ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC): รุ่น Galaxy Buds Pro และ Galaxy Buds 2 Pro มีระบบ ANC แต่ไม่ดีเท่ากับ AirPods Pro
- การควบคุม: สามารถควบคุมได้ทั้งจากแอป Samsung Wearable หรือการสัมผัสที่ตัวหูฟัง
- แบตเตอรี่: ใช้งานได้ประมาณ 5-8 ชั่วโมงต่อการชาร์จ, เคสสามารถชาร์จได้หลายรอบ
- ความสะดวกสบาย: หูฟังออกแบบมาให้ใส่สบาย ไม่หลุดง่าย, รุ่น Galaxy Buds Live มีรูปทรงเมล็ดถั่วที่ไม่เข้าหู แต่บางคนอาจไม่ค่อยชอบ
- คุณสมบัติพิเศษ: รองรับ 360 Audio และการปรับเสียงจากแอป Galaxy Wearable
ข้อดี:
- ราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพเสียง
- เสียงเบสหนักแน่น
- ระบบ ANC ทำงานได้ดีในบางรุ่น
- สามารถปรับเสียงได้จากแอป
ข้อเสีย:
- ANC ไม่แข็งแกร่งเท่า AirPods Pro
- การเชื่อมต่อกับ iPhone อาจไม่เสถียรเท่ากับการใช้งานกับสมาร์ทโฟน Samsung
3. Marshall Minor III
คุณสมบัติหลัก:
- การเชื่อมต่อ: ใช้ Bluetooth 5.2 เพื่อให้การเชื่อมต่อที่มีเสถียรภาพ
- เสียง: เสียงมีลักษณะ แนวร็อค, เบสหนาและกระหึ่ม, เสียงกลางและเสียงสูงค่อนข้างชัดเจน
- ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC): ไม่มี ANC ในรุ่นนี้
- การควบคุม: ใช้ปุ่มกดที่หูฟังในการควบคุม เช่น การเล่นเพลง หรือรับสาย
- แบตเตอรี่: ใช้งานได้ประมาณ 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ, เคสสามารถชาร์จได้หลายรอบ
- ความสะดวกสบาย: หูฟังมีดีไซน์แบบวินเทจที่เป็นเอกลักษณ์ของ Marshall แต่บางคนอาจรู้สึกไม่ค่อยสะดวกเมื่อใส่เป็นเวลานาน
- คุณสมบัติพิเศษ: การออกแบบที่มีสไตล์และเสียงที่มีเอกลักษณ์ของ Marshall
ข้อดี:
- เสียงเบสที่หนักแน่นและเต็ม
- การออกแบบที่มีความคลาสสิกและสวยงาม
- ราคาย่อมเยากว่าแบรนด์อื่นๆ
- ใช้งานได้ง่ายด้วยปุ่มควบคุม
ข้อเสีย:
- ไม่มีระบบ ANC
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่สั้นกว่า AirPods และ Galaxy Buds
- ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการเสียงที่โปร่งหรือมีรายละเอียดสูง
nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.
4. Xiaomi Mi True Wireless Earbuds / Redmi Buds
คุณสมบัติหลัก:
- การเชื่อมต่อ: ใช้ Bluetooth 5.0, สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งกับสมาร์ทโฟน Android และ iOS
- เสียง: เสียงกลางค่อนข้างดี, เบสที่มีมิติ แต่ไม่หนาแน่นเท่าหูฟังจากแบรนด์อื่นๆ ที่มีการเน้นเบส
- ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC): รุ่น Redmi Buds 3 Pro และ Mi True Wireless Earbuds 2 Pro มี ANC ที่ช่วยลดเสียงรบกวนได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ดีเท่ากับ AirPods Pro หรือ Galaxy Buds Pro
- การควบคุม: ใช้การสัมผัสที่หูฟังในการควบคุม เช่น การเล่นเพลง, รับสาย, และเปิด/ปิด ANC (ขึ้นอยู่กับรุ่น)
- แบตเตอรี่: รุ่น Redmi Buds 3 Pro ใช้งานได้ประมาณ 7 ชั่วโมงต่อการชาร์จ (ขึ้นอยู่กับการเปิด ANC หรือไม่), เคสสามารถชาร์จได้หลายรอบ
- ความสะดวกสบาย: หูฟังมีขนาดเล็กและเบา เหมาะสำหรับใส่ในระยะยาว แต่บางรุ่นอาจจะไม่แน่นพอในหู
- คุณสมบัติพิเศษ: รองรับ aptX สำหรับการสตรีมเสียงคุณภาพสูงและ Dual Device Connection ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สองตัวพร้อมกันได้
ข้อดี:
- ราคาคุ้มค่า, คุณภาพเสียงที่ดีในระดับราคานี้
- ระบบ ANC ในรุ่น Pro ที่สามารถลดเสียงรบกวนได้ดี
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน
- การเชื่อมต่อที่เสถียรและง่ายดาย
ข้อเสีย:
- ANC ไม่ดีเท่า AirPods Pro หรือ Galaxy Buds Pro
- เสียงเบสไม่หนักแน่นเท่าหูฟังที่เน้นเสียงเบส
- ความสะดวกสบายอาจจะไม่เหมาะกับทุกคน (บางคนอาจรู้สึกไม่กระชับ)
สรุปง่ายๆ ไม่เกิน 5 บรรทัด
AirPods ยังคงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและความสะดวกในการใช้งานกับอุปกรณ์ Apple, รวมถึงฟีเจอร์ ANC ที่มีประสิทธิภาพ
- ราคา 4,500 – 11,000 บาท
Galaxy Buds เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการเสียงเบสที่หนักแน่นและระบบ ANC ที่ดีในราคาที่คุ้มค่า
- ราคา 3,500 – 8,000 บาท
Marshall Minor III เหมาะกับผู้ที่ชอบเสียงแนวร็อคหรือเสียงเบสที่หนักแน่น แต่ไม่ต้องการ ANC
- ราคา 3,500 – 4,500 บาท
Xiaomi Mi True Wireless Earbuds หรือ Redmi Buds เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่มองหาหูฟังราคาคุ้มค่าพร้อมคุณสมบัติ ANC ที่ช่วยลดเสียงรบกวนและเสียงที่ดีในระดับราคานี้
- ราคา 1,500 – 3,500 บาท
ขายของนิดหน่อย
และสำหรับใครที่ยังไม่มีงบในการซื้อ ขอแนะนำเป็น Globallotto เว็บหวยออนไลน์ถูกกฎหมายได้รับการรับรองจากอเมริกา และคณะกรรมการประเทศอังกฤษครับ ลองเข้ามาส่องก่อนได้ที่ : คลิกที่นี่ครับ